รมช.คลัง ยืนยันประชาชนทั่วไป-ร้านค้า ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต คาดเริ่มเปิดลงทะเบียน พ.ย.นี้ ย้ำที่มาของเงินจะใช้จากงบประมาณเป็นหลัก ไม่มีความคิดขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต  10,000 บาท ว่า จะต้องเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพราะต้องยืนยันตัวตน หรือที่เรียกว่า KYC ซึ่งโชคดีที่โครงการในอดีตของรัฐ มีการทำระบบยืนยันตัวตนเอาไว้ ประชาชนที่มีฐานข้อมูลอยู่แล้วประมาณ 40 ล้านคน ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน

“แต่หากจะเข้าร่วมนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต จะต้องมีปุ่มให้กดยืนยัน ว่าจะเข้าสู่โครงการ แต่ถ้าคนที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยืนยันตัวตน ซึ่งมีประมาณ 10 ล้านคน กฎหมายที่กำหนดผ่านทางธนาคารแห่งประเทศไทยและกฎหมายอื่น ๆ ยังจำเป็นต้องยืนยันตัวตน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การยืนยันตัวตนเพื่อตรวจสอบบุคคลที่ได้รับสิทธิ์กับเลขบัตรประชาชนว่าเป็นบุคคลนั้นจริง ๆ รวมทั้งจะต้องสแกนใบหน้า เพราะเป็นเรื่องของการรับเงิน ซึ่งจะต้องมีความรัดกุมและเป็นไปตามกฎหมาย

ส่วนการลงทะเบียนจะทำให้จำนวนคนที่เข้าร่วมโครงการลดลงหรือไม่  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยว เพราะคนที่จะลงหรือไม่ลงทะเบียนจะเป็นข้อมูลที่ทราบภายหลังอยู่แล้ว การทำโครงการต้องเตรียมวงเงินให้เพียงพอ แต่การยืนยันตัวตนลงทะเบียนเป็นกระบวนการปกติ เพราะในอดีตโครงการของรัฐหลายโครงการ เปิดมาเพื่อให้ประชาชนลงทะเบียนทั่วประเทศ ก็ไม่ได้มีคนมาใช้สิทธิ์ครบทั้ง 70 ล้านคน

“นโยบายครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เชื่อว่าหากดำเนินโครงการไปแล้ว ตัวเลขอาจจะลดลง ส่วนจะลดลงมากแค่ไหนต้องไปดูความชัดเจนอีกครั้ง ส่วนร้านค้าก็ต้องลงทะเบียนเช่นกัน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนได้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนแอปพลิเคชันที่จะนำมาใช้ในนโยบายนี้ ยืนยันว่าจะเป็นแอปฯ ใหม่” นายจุลพันธ์ กล่าว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ส่วนที่มาของแหล่งเงิน ยืนยันว่ารัฐบาลวางเป้าจะใช้งบประมาณเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม มีตัวเลือกให้รัฐบาล ยืนยันว่าจะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด ขณะนี้งบประมาณปี 2567อยู่ระหว่างให้หน่วยงานที่ของบประมาณยื่นเข้ามา ซึ่งโครงการไหนที่ไม่มีความจำเป็นหรือดำเนินการไม่ทัน หรือโครงการไหนที่สามารถลดได้ จะต้องปรับลด ส่วนเงินที่เหลือมา ก็ต้องนำมาใช้ในการพัฒนารายการลงทุนในโครงการที่มีความจำเป็น

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงการคลังจะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาทำนโยบายนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าไม่มีความคิดดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับโครงการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่

แชร์มาจาก: MCOT

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *